คลังข้อมูลดิจิทัล

  • Guidelines for Enhancing the Leadership of the Educational Administrators Effectively of Private Universities in Guangxi Province, People's Republic of China

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)การสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ในระดับใด2)เพื่อพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอย่างไร 3)แนวทางสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตรวจสอบรูปแบบเป็นอย่างไร ใน 10 ด้าน ประกอบด้วย 1)ด้านกลยุทธ์ 2)ด้านโครงสร้าง 3)ด้านระบบ 4)ด้านรูปแบบ 5)ด้านบุคลากร 6)ด้านทักษะ 7)ด้านค่านิยมร่วม 8)ด้านบุคลิกภาพ 9)ด้านความสามารถ 10)ด้านทักษะทางสังคม ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 24 แห่ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร และอาจารย์ประจำการ มหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการสุ่มแบบเจาะจง มหาวิทยาลัยละ 20 คน รวมทั้งสิ้น 440 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลการสัมภาษณ์ ได้แก่ อธิการบดีหรือรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยละ 1 คน รวมทั้งสิ้น 24 คน กลุ่มผู้ประเมินความเหมาะสมในการนำไปปฏิบัติ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ ในมหาวิทยาลัย และผู้ที่มีบทบาทหลักในการบริหารจัดการเชิงนโยบายและกลยุทธ์ จำนวน 20 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า แนวทางสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านทักษะ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านกลยุทธ์ ส่วนด้านโครงสร้าง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด และการสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิผลโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านบุคลิกภาพ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านทักษะทางสังคม ส่วนด้านความสามารถ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ผลการประเมินคุณลักษณะการสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิผลของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้บริหารมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ผู้บริหารมีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนผู้บริหารมีความเชื่อมั่นต่อบุคลากรในการมอบหมายงาน ที่รับผิดชอบ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด แนวทางสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเอกชนในมณฑลกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยกลุ่มผู้ประเมินความเหมาะสมในการนำไปปฏิบัติ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ ในมหาวิทยาลัยด้านการบริหารการศึกษา บริหารทรัพยากรมนุษย์ บริหารกลยุทธ์ บริหารคุณภาพ ฯลฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทหลัก ในสร้างเสริมความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิผล จำนวน 20 คน โดยใช้วิธีจัดสัมมนาโดยมีผลดังนี้ ผู้บริหาร มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี สนับสนุนช่วยเหลือบุคลากรภายในองค์กรเป็นอย่างดี มีความเมตตากรุณาต่อบุคลากรภายในองค์กร ผู้บริหารมีความคิดสร้างสรรค์ในการบริหารจัดการรวมถึงการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ มีเทคนิคและวิธีการที่หลากหลายในการบริหารงาน ผู้บริหารสามารถวางตนได้อย่างเหมาะสมให้เกียรติกับบุคลากรภายในองค์กรทุกคน วางตนเป็นกลาง เป็นที่เคารพรักและศรัทธาของคนภายในองค์กร ผู้บริหาร มีความรู้ความสามารถที่รอบด้าน มีทักษะและประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม คำสำคัญ : ความเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • รถไฟวงเวียนใหญ่ มหาชัย

    ประวัติความเป็นมาของรถไฟสายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย เดิมมีสถานีต้นทางที่คลองสาน เป็นรถไฟสายลำดับที่ 5 ของไทย ในปี 2544 บริษัทรถไฟท่าจีนทุนจำกัด ได้รับสัมปทาน 40 ปี ในการเดินรถไฟสายท่าจีน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สายมหาชัย จากปากคลองสาน กรุงเทพฯ ถึงมหาชัย จ.สมุทรสาคร ระยะทาง 33.13 กม. ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ก่อนจะเปิดเดินรถไฟสายนี้ รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินประพาสทางรถไฟสายนี้ก่อนเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2447 จากนั้นในวันที่ 4 มกราคม 2447 รัชกาลที่ 6 ขณะทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จแทนพระองค์ไปเปิดการเดินรถไฟสายนี้ ต่อมาในวันที่ 18 มี.ค. 2448 รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประทับรถไฟสายนี้อีกครั้งเพื่อเสด็จไปเปิดถนนถวายที่ท่าฉลอม ที่มา : กิตติกร นาคทอง. (2563). เสวนา 116 ปี “รถไฟสายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย”. http://www.sakhononline.com/news/2017/?p=13694
  • ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ในการจัดการ เรียนรู้โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนโรงเรียนชางตา ครู้สคอนแวนท์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 29 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้2) แบบทดสอบ และ 3)แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (ค่า t - test for Dependen) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ชั้น หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ที่มีต่อการเรียนโดยใช้วัฏจักรการ เรียนรู้ 7 ขั้น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คำสำคัญ : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ , วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น
  • Guideline on Management to Promote the Quality of Scientific Research st Guiyang University

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันในการพัฒนาการจัดการการ วิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุ้ยหยาง 2) กำหนดแนวทางการจัดการเพื่อปรับปรุงคุณภาพการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุ้ยหยาง และ 3) ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการจัดการเพื่อปรับปรุงคุณภาพการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุ้ยหยาง ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยกุ้ยหยางจำนวน 970 คน และคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างของการวิจัย โดยในสูตรของยามาเน (Yamane) ได้จำนวน 285 คน เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ แก่แบบสอบถาม "การรับรู้ทางสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่งได้จากการทบทวนวรรณกรรมและการสัมภาษณ์ ค่า iOC เฉลี่ยของแบบสอบถามคือ 0.69 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานของคุณภาพแบบสอบถามผลการวิจัยพบว่าการจัดการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุ้ยหยางอยู่ในระดับปานกลาง ดังนั้นกระบวนทัศน์การจัดการการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ภายใต้การเคารพ ความเข้าใจ การจูงใจ และการพัฒนาคน ควรสร้างขึ้นจากบุคคลที่สร้างผลสัมฤทธิ์ทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการจัดการเพื่อส่งเสริมคุณภาพการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกุ้ยหยางอยู่ในระดับสูง คำสำคัญ: การจัดการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจีน, แนวทางการส่งเสริม, กระบวนทัศน์การจัดการ
  • ประชาสัมพันธ์เว็บไซต์หอสมุดรัฐสภา

    หอสมุดรัฐสภาไทย เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการภายใต้ สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บริการทรัพยากรสารสนเทศและสารสนเทศอ้างอิงด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับวงงานรัฐสภาแก่สมาชิกรัฐสภาไทย และประชาชนทั่วไป โดยเว็บไซต์ของหอสมุดรัฐสภาไทย เข้าถึงได้ที่ https://library.parliament.go.th
  • ตามรอยเจ้าพ่อ : การพัฒนาผู้เรียนรู้ และผู้สร้างสรรค์ นวัตกรรมแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

    สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นบุคคลที่มี ผลงานที่สำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาประเทศไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะใน ด้านการศึกษา ซึ่งเป็นผลงานที่ส่งผลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยในสมัย นั้นและสร้างมูลค่าสาธารณะให้กับประเทศไทยในระยะยาวและยังคงมีความสำคัญ ในประวัติศาสตร์และพัฒนาประเทศไทยในปัจจุบันด้วย ที่มา : สิริชัย เอี้ยมสอาด,รัตนา ศรีสุวรรณและ ชัยวรรณ์ สายเผ่าพันธุ์ . (๒๕๖๗). ตามรอยเจ้าพ่อ : การพัฒนาผู้เรียนรู้ และผู้สร้างสรรค์ นวัตกรรมแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. ใน ศรีสมเด็จ ๖๗ (๘๖-๙๐). สมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมชูปถัมภ์.
  • หลวงนายสิทธิ ขุนนางหนุ่มหัวก้าวหน้าผู้เปิดโลกทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ให้กับสยาม

    ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ บุคคลผู้เปิดโลกทัศน์ให้เกิดความเชื่อถือและ สร้างพลังศรัทธาด้วยวิชาการความรู้ ซึ่งเป็นโลกทัศน์ใหม่หรือซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power) คือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) หรือเจ้าพระยา ศรีสุริยวงศ์ ผู้เป็นขุนนางหนุ่มหัวก้าวหน้าที่เริ่มต้นจากการเป็นมหาดเล็กช่วง เข้า ถวายตัวรับราชการงานแผ่นดินมาตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย รัชกาลที่ ๒ จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จนได้เป็นขุนนางผู้มีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบต่าง ๆ มากมาย โดย เฉพาะการเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดีและรักษาความยุติธรรมอันแน่วแน่ จน เซอร์จอห์น เบาว์ริง ได้บันทึกไว้ว่า "เป็นคนมีความรู้สุขุมดีกว่าผู้ใดที่พวกเราได้พบ มีกิริยามรรยาทละมุนละม่อมเป็นผู้ดี พูดจาก็เหมาะสม พูดอย่างง่าย ๆ ถ้อยคำของ เขาสมกับเป็นผู้ที่รักชาติอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีตำแหน่งในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ระเจ้าอยู่หัวที่ยังทรงพระเยาว์ ก็เป็นของธรรมดาโต้แย้งกันบ้าง แ ไปโดยเรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม ๑๘ ปีหลังจากที่พระองค์มีพระราชอำนาจเต็มที่ รัชกาลที่ ๕ จำต้องทรงรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับผู้สำเร็จราชการนั้น บางเวลาก็ลำบากอยู่บ้าง" ที่มา : พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. (๒๕๖๗). "หลวงนายสิทธิ" ขุนนางหนุ่มหัวก้าวหน้าผู้เปิดโลกทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ให้กับสยาม. ใน ศรีสมเด็จ ๖๗ (๗๗-๘๕). สมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมชูปถัมภ์.
  • สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กับเสภาขุนช้างขุนแผน

    Uทความนี้มุ่งหมายกล่าวถึงสิ่งทรงคุณค่าของไทยสองสิ่งสัมพันธ์กันจนก่อเกิดเป็นเกร็ดความรู้น่าสนใจอีกประการหนึ่ง นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) มหาบุรุษรัตโนดมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กับเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา เสภาขุนช้างขุนแผนนั้น ถือว่าเป็นวรรณคดีเอกและวรรณคดีมรดกเรื่องหนึ่งของไทย ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาของบทความนี้ ๓ ประการ ตามลำดับ คือ ๑) การเดินทางข้ามบรรพกาลของเสภาขุนช้างขุนแผนและสมเด็จเจ้าพระยาฯ ๒) สมเด็จเจ้าพระยาฯ กับเสภาขุนช้างขุนแผน และ ๓) นัยแห่งเสภาขุนช้างขุนแผนต่อความพึงใจของสมเด็จเจ้าพระยาฯ การเดินทางข้ามบรรพกาลของเสภาขุนช้างขุนแผนและสมเด็จเจ้าพระยาฯ เสภาขุนช้างขุนแผนกับสมเด็จเจ้าพระยาฯ ดังรับรู้และเข้าใจในปัจจุบัน นี้นั้น ต่างเป็นสิ่งมีมาตั้งแต่โบราณ ได้อุบัติขึ้น ดำรงอยู่ แล้วเดินทางข้ามบรรพกาล มาหลายร้อยปี กระทั่งถึงกาลสมัยปัจจุบัน เมื่อสืบสาวถึงต้นตอแท้จริงของสองสิ่งข้างต้น ก็ให้มโนภาพผุดพรายขึ้นในห้วงคิดอย่างน่าสนใจทีเดียว สันนิษฐานกันว่าขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นจริงในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๑๐ ทรงครองสิริราชสมบัติในระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๔ - ๒๐๗๒ ช่วงแรกเป็นเรื่องปากต่อปาก เรียกว่าวรรณกรรมมุขปาฐะ ต่อมามีการแต่งและบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เรียกว่าวรรณกรรมลายลักษณ์ ที่มา : วรวรรรน์ ศรียาภัย. (๒๕๖๗). สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กับเสภาขุนช้างขุนแผน. ใน ศรีสมเด็จ ๖๗ (๖๙-๗๖). สมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมชูปถัมภ์.
  • สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กับการสนับสนุนการแปลวรรณกรรมจีน

    วรรณกรรมจีนโดยเฉพาะพงศาวดารจีนนั้นนับได้ว่าเป็นตำราเรียน ประเภทหนึ่งของคนไทยมานานแล้ว โดยถือกันว่าหากใครได้อ่านพงศาวดารจีน เข้าใจและทราบอรรถรสเป็นอย่างดี ย่อมทำให้ผู้นั้นเป็นคนเฉลียวฉลาดรอบรู้ จิตใจคน รู้จักการทำงาน มีคติธรรม ตลอดจนรู้กลยุทธ์ในการสงครามจนถือได้ว่า พงศาวดารจีนเป็นตำราพิชัยสงครามด้วย ดังนั้นพงศาวดารจีนจึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง โดยที่เป็นเครื่องประดับสติปัญญาของนักการเมืองนักการปกครอง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ตระหนักถึงคุณค่าดังกล่าวของพงศาวดารจีน ดังนั้นเมื่อท่านมีกำลังอำนาจอยู่ในฐานะ "อธิบดี" ของบ้านเมืองซึ่งสามารถให้ การสนับสนุนงานทำนุบำรุงวรรณกรรมได้อย่างเต็มที่แล้ว ท่านจึงเชิญนักปราชญ์ ผู้มีภูมิรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาจีนและภาษาไทยเป็นอย่างดีให้มาร่วมประชุม แปลพงศาวดารจีนเป็นภาษาไทยตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๔ และสนับสนุนให้มีการพิมพ์ ออกเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้อ่าน เพราะนอกจากเพื่อความบันเทิงสนุกสนานแล้วยัง ก่อให้เกิดความแตกฉานทางปัญญาด้วย ที่มา : ปิยนาถ บุนนาค. (๒๕๖๗). สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กับการสนับสนุนการแปลวรรณกรรมจีน . ใน ศรีสมเด็จ ๖๗ ((๖๒-๖๘). สมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมชูปถัมภ์.
  • การพัฒนารูปแบบการสอนที่ใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

    การวิจัยครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสอนที่ใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 2) เปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้น การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1) การพัฒนารูปแบบการสอน 2) การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3) การทดลองใช้รูปแบบการสอนและ 4) การประเมินผลรูปแบบการสอนที่ใช้สมองเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนคลองมหาวงก์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องเข้าใจเศษส่วนและแบบทดสอบวัดทักษะการ แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าสถิติที่ ผลการวิจัยพบว่า 1. รูปแบบการสอนที่ใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความเหมาะสม มีองค์ประกอบครบถ้วน ประกอบด้วย 1)แนวคิดของรูปแบบการสอน 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการสอน 3) กระบวนการเรียนการสอนและ 4) ผลที่ผู้เรียนจะได้รับ 2. ผลการเปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่าทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังการใช้ รูปแบบการสอนที่ใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการสอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คำสำคัญ : การพัฒนารูปแบบการสอน ทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
  • พลวัตของเรื่องเล่าและพิธีกรรมบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในพื้นที่ฝั่งธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร

    วิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพลวัตของเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในบริบทสังคมไทย 2) วิเคราะห์วิธีคิดในการสร้างสรรค์พิธีกรรมบูชาสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราชในพื้นที่ฝั่งธนบุรี โดยเก็บข้อมูลเรื่องเล่าจากพงศาวดาร หนังสือ สื่อออนไลน์ และเก็บข้อมูลภาคสนามในช่วง พ.ศ.2563-2565 จากสถานที่ที่จัดพิธีกรรมบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 3 แห่ง ได้แก่ อนุสาวรีย์วงเวียนใหญ่ วัดอินทารามวรวิหาร และวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ผลการศึกษาพบว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จำแนกได้ 5 แบบเรื่อง ได้แก่ 1. กำเนิดสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกู้ชาติ 3. สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราชกษัตริย์แห่งอาณาจักรธนบุรี 4. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ได้ถูก ประหร 5. ปาฏิหาริย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เรื่องเล่าดังกล่าวมีพลวัตที่น่าสนใจ 4 ด้าน คือ 1. พลวัตด้านรูปแบบการนำเสนอของเรื่องล่า 2. พลวัตด้านเนื้อหาของเรื่องเล่า 3. พลวัตด้านความ เชื่อจากเรื่องเล่า และ 4. พลวัตด้านความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องเล่ากับพื้นที่และพิธีกรรม พลวัตที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกและประยุกต์เรื่องเล่าให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมและความต้องการของคนในสังคมปัจจุบัน วิธีคิดในการสร้างสรรค์พิธีกรรมบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชประกอบด้วย 1) การประยุกต์และเลือกสรรเรื่องเล่าที่เชื่อมโยงสถานที่กับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2) การประดิษฐ์สร้างวัตถุสัญลักษณ์ตามเรื่องเล่าให้ปรากฎเป็นรูปธรรม 3) การสร้างสรรค์พิธีกรรมที่มีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นศูนย์กลางความเชื่อ 4).การผนวกพิธีกรรมบูชากับความเชื่อที่มีอยู่เดิมในสังคม 5) การสร้างสรรค์พิธีกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของปุถุชนในบริบทร่วมสมัย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เรื่องเล่าและพิธีกรรมบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นคติชน สร้างสรรค์ โดยมีปัจจัยสำคัญคือ บริบทสังคมโลกภิวัตน์และการท่องเที่ยว บริบททุนนิยม และบริบท แห่งความเป็นสังคมในยุคข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยี มีลักษณะวิธีคิดที่สำคัญคือการนำเรื่องเล่าทาง ประวัติศาสตร์มาปรับใช้และการสร้างสรรค์ประเพณีจากฐานความเชื่อเดิม การสร้างสรรค์ด้วย กระบวนการดังกล่าวทำให้พิธีกรรมที่จัดขึ้นได้รับการยอมรับ และเป็นพื้นที่ของการสร้างสำนึกทาง ประวัติศาสตร์ ส่งผลให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในบริบทร่วมสมัยมีสถานะทั้งเป็นวีรกษัตริย์ กู้ชาติ วีรบุรุษทางวัฒนธรรม และเป็นเทพหรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นธนบุรี คำสำคัญ : พลวัต เรื่องเล่า พิธีกรรม สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
  • The development of training course based on nondirective teaching theory to improve visual communication design ability of undergraduate students

    The purposes of this research were 1) To develop the training coursebasedon nondirective teaching theory to improve visual communication design abilityof undergraduate students and 2) To compare students’ visual communicationdesignability before and after training course based on nondirective teaching theory. Thesample group were 38 fourth-year students in fine arts major of the QingdaoUniversity, Qingdao, China, in the second semester of the academic year 2023. Through cluster random sampling. The research instruments involved 1) Activityplanaccording to the nondirective teaching theory and 2) Visual communicationdesignability test (multiple-choice test and performance test). Data were statisticallyanalyzed by mean, standard deviation, and t-test for dependent samples. The findings were revealed that 1) The development of training course based on nondirective teachingtheory to improve visual communication design ability of undergraduate students hassynthesized into5 steps: 1) Study stage, 2) Discussionstage, 3) Thinking stage, 4) Planningcreation stage, and 5) Summary analysis stage, as well as taking used to developanactivity plan according to the nondirective teaching theory. The results are shownthequality of the activity plan by experts overall, the suitability of the researchobjectives has the most suitable. 2) The visual communication design ability of fourth-year students fromQingdao University after the experiment was higher than that before the experimentat significance level .01. Keywords: Visual communication design ability, Nondirective teaching theory, Undergraduate students
ค้นหาทั้งหมด